ความรู้เรื่องการแต่งงาน เคล็ดลับการครองเรือน

จะแต่งงานดีไหม?มีคำตอบ

แต่งงานหรือโสดดี

วันนี้เว็บมาสเตอร์ได้นำบทความดีๆ จาก  หนังสือติวเข้ม เต็มรัก ชีวิตคู่  โดย: ศ.พญ.นงพงา ลิ้มสุวรรณ คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มาให้อ่านกันสำหรับผู้ที่ยังไม่แน่ใจว่า "จะแต่งงานดีไหม?" หลังจากอ่านบทความหวังว่าท่านคงได้คำตอบกันนะครับ

หลายท่านคงเคยได้ยินคำกล่าวเกี่ยวกับการแต่งงานว่า “คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า” แสดงให้เห็นว่าประสบการณ์ของคนเกี่ยวกับชีวิตคู่มีทั้งแรงดึงดูดที่อยากให้ไปใช้ชีวิตด้วยกันเป็นคู่ ขณะเดียวกันพอได้ไปใช้ชีวิตคู่ด้วยกันจริงๆ กลับมีแรงผลัก ทำให้ไม่อยากใช้ชีวิตคู่ต่อไป อันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใด เพราะถ้าพิจารณาดูกันให้ลึกซึ้งแล้ว เกือบทุกอย่างในโลกนี้จะมีแง่บวกและแง่ลบปนเปกันอยู่เสมอเหมือนกับที่พูดกันว่า “ในร้ายมีดี ในดีมีร้าย” นั่นเอง

 

 

ดังนั้นจึงขึ้นกับความสามารถหรือสติปัญญาของแต่ละคน ว่าจะสามารถใช้จุดดีๆ ในทุกๆ สิ่งที่อยู่ในชีวิตของเราหรือรอบๆ ตัวเรามาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร เขามีความเข้าใจลึกซึ้งแค่ไหนในความเป็นไปของชีวิต ของจิตใจ และของธรรมชาติว่าสิ่งเหล่านี้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไร อะไรเป็นเหตุของอะไร ถ้าเราต้องการให้เป็นแบบหนึ่งต้องทำอะไร และถ้าเราไม่ต้องการให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับเรา เราจะต้องป้องกันไว้ก่อนอย่างไร นั่นคือเราต้องรู้เท่าทันสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตคู่เสียก่อน จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขได้แน่นอน

 

แต่งงานดีอย่างไร?

ในกรณีที่เรารู้ทันเรื่องของชีวิตคู่ได้ การแต่งงานน่าจะเป็นเรื่องดีกว่าการอยู่เป็นโสด เนื่องจากเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความต้องการพื้นฐานของจิตใจที่อยากจะมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกัน จึงทำให้มนุษย์ชอบอยู่กันเป็นสังคมเป็นหมู่เป็นเผ่าอยู่แล้ว ฉะนั้นการที่มีมนุษย์อีกคนที่พิเศษอย่างยิ่งจะมาอยู่ใกล้ชิดกับตัวเรายิ่งกว่าใครๆ ที่จะสามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานนี้ด้วย และสามารถตอบสนองความต้องการต่อกันเรื่องอื่นๆ อีก เช่น ให้ความรัก ความอบอุ่น ความเป็นเพื่อน เป็นที่ปรึกษาคู่คิด ให้ความห่วงใย สนใจเอาใจใส่ช่วยทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่อ้างว้าง ไม่หงอยเหงา ไม่ไร้ค่า มาดูแลและช่วยเหลือกันด้านอื่นๆ อีก ที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นไม่ต้องทำเองทุกๆ เรื่อง เพราะมีหุ้นส่วนชีวิตมาช่วยกันคิดช่วยกันทำ ร่วมทุกข์ร่วมสุข

 

ฉะนั้น การมีชีวิตเป็นคู่จึงมีจุดมุ่งหมายหนึ่งคือการช่วยแบ่งเบาภาระของการดำรงชีวิต แบ่งงานกันทำ เช่น คนหนึ่งทำอาหาร คนหนึ่งช่วยซ่อมสิ่งที่เสียหายในบ้าน หรือคนหนึ่งดูแลบ้าน คนหนึ่งไปทำงานหาเงินสำหรับครอบครัวเหมือนครอบครัวส่วนใหญ่ในสมัยก่อน แต่ปัจจุบันทั้งคู่มักทำงานหาเงินนอกบ้านด้วยกันเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวหรือความมั่นคงของอนาคตของทั้งคู่ จึงจำเป็นที่เวลาเข้าบ้านแล้วทั้งคู่จะต้องช่วยกันแบ่งเบาภาระต่างๆ ในบ้านด้วยไม่ควรปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับศึกสองด้านแต่ผู้เดียว เพราะนานวันเข้าจะนำไปสู่ความไม่พอใจจากความอ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยเกินไป หรือรู้สึกว่าฝ่ายหนึ่งเห็นแก่ตัว หรือจากความรู้สึกถูกเอาเปรียบ แล้วอาจนำไปสู่ความแตกร้าวของชีวิตคู่ได้ในที่สุด ซึ่งได้เกิดให้พบเห็นเป็นประจำ

 

การมีคู่ครองนอกจากจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและมีข้อดีต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วยังมีอีกข้อหนึ่งที่สำคัญมากคือ การที่มีคนหนึ่งมารักเรา และต้องการเลือกเราเป็นคู่ชีวิตของเขา จะทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของเราเพิ่มขึ้นได้อย่างมากมายมหาศาล คือพลังชีวิตจะพุ่งกระฉูดเพราะสิ่งนี้จะเป็นที่ปลาบปลื้มในหัวใจของคนในความเป็นตัวเรา หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า มารักเรานั่นเอง ความรู้สึกว่าตัวเรามีคุณค่านั้นเกือบจะอยู่เหนือความรู้สึกทั้งมวลของมนุษย์ทั่วๆ ไป เป็นความรู้สึกที่คนเราโหยหาต้องการอยู่ลึกๆ อย่างที่สุด ตรงนี้แหละเป็น หัวใจของชีวิตคู่เลยทีเดียว ดังนั้น ทั้งคู่ต้องถนอม ต้องรักษา ต้องหล่อเลี้ยง ต้องเอาใจใส่ไม่ให้ความรู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษของเรา เขาเป็นคนที่มีค่าของเราสูญหายไป ชีวิตคู่ก็จะมีความสุขได้ยั่งยืนและสามารถรักกันได้ตลอดไปยาวนาน ชนิดที่เรียกว่าอยู่กันจนถึง “ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร” ได้เลย

 

Copyrights © 2012 | Tel.082-250-9499 | Fax.032-743-100 | E-mail: sales@klonggift.com | Design by Krit DaddyRock